คลีโอพัตรา เซเลเน (
กรีกโบราณ: Κλεοπάτρα Σελήνη; ประสูติ 135 หรือ 130 ปีก่อนคริสตกาล - สิ้นพระชนม์ 69 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งในราชวงศ์แห่งซีเรียเรียกว่า
คลีโอพัตราที่ 2 เซเลเน (83-69 ปีก่อนคริสต์ศักราช) พระองค์เป็นพระราชธิดาของ
ปโตเลมีที่ 8 แห่งอียิปต์กับพระนาง
คลีโอพัตราที่ 3 ใน 115 ปีก่อนคริสตกาล, พระองค์ได้รับตำแหน่งเป็นพระราชินีแห่งอียิปต์ เมื่อพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระเชษฐาของพระองค์ กษัตริย์
ปโตเลมีที่ 9 โดยพระนางคลีโอพัตราที่สามเข้ามามีอำนาจแทนพระนาง
คลีโอพัตราที่ 4 ซึ่งเป็นพระธิดาของคลีโอพัตราที่สาม ความตึงเครียดระหว่างกษัตริย์และพระมารดาของพระองค์เติบโตขึ้นและจบลงด้วยการขับไล่ปโตเลมีที่ 9 ออกจากอียิปต์ โดยพระนางคลีโอพัตรา เซเลเนอยู่เบื้องหลัง พระองค์อาจจะอภิเษกสมรสใหม่กับ
ปโตเลมีที่ 10[1]ใน 103 ปีก่อนคริสตกาล, คลีโอพัตราที่ 3 ตัดสินใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับ
แอนติโอคัสที่ 8 แห่งอาณาจักรซีลิวซิด พระองค์ได้ถูกส่งมาเป็นพระมเหสีและอยู่กันจนกระทั่งถูกลอบสังหารใน 96 ปีก่อนคริสตกาล และต่อมาจึงตัดสินใจที่จะอภิเษกสมรสกับพระเชษฐาของอดีตพระสวามีคนก่อน ๆ ของพระองค์คือ
แอนติโอคัสที่ 9 แต่ก็สิ้นพระชนม์ใน 95 ปีก่อนคริสกกาล ต่อจากนั้นพระองค์ก็อภิเษกสมรสกับ
แอนติโอคัสที่ 10 ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของแอนติโอคัสที่ 9 นี้เป็นการอภิเษกสมรสครั้งสุดท้ายของพระองค์ พระสวามีพระองค์สุดท้ายได้หายไปจากบันทึกและสันนิษฐานว่าได้สิ้นพระชนม์ใน 92 ปีก่อนคริสตกาล ภายหลังพระองค์ก็อาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่งในซีเรียกับบุตรของพระองค์จนกระทั่ง 83 ปีก่อนคริสตกาล ภายหลังจากการแยกดินแดนอาณาจักรซีลิวซิด ทำให้มีการปกครองที่เมือง
แอนติออค ซึ่งปกครองโดย
ฟิลิปที่ 1 แห่งซีเรีย และที่เมือง
ดามัสกัสซึ่งปกครองโดย
แอนติโอคัสที่ 12 ทำให้อาณาจักรซีลิวซิดว่างกษัตริย์
[2][3]ใน 83 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์จึงให้พระราชโอรสของพระองค์นามว่า
แอนติโอคัสที่ 13 สถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรซีลิวซิด เนื่องจากชาวแอนติออคและดามัสกัสเหนื่อยจากสงครามกลางเมืองได้เชิญพระมหากษัตริย์ต่างชาติเข้ามาปกครองพวกเขา โดย
ไทกราเนสที่ 2 แห่งอาร์เมเนียได้ยึดเมืองแอนติออคในขณะที่
อาเรทัสที่ 3 แห่งนาบาเทียได้ยึดเมืองดามัสกัส คลีโอพัตราเซเลเนควบคุมเมืองชายฝั่งหลายแห่งจนถึง 69 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ถูกจับกุมโดยทหารของไทกราเนสในเมือง
ปโตเลมาอิส และได้สำเร็จโทษพระองค์
[4][5]